บทสรุปของศึกพรีเมียร์ลีก
ศึกพลีเมียร์ลีกในครั้งนี้ได้จบลงไปแล้วเรียบร้อย สำหรับ เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ มูรินโญ กุนซือทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ โดยได้แชมป์ตั้งแต่การแข่งขัดนัดที่ 35 ซึ่งยังไม่จบฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ ซึ่งต้องยกความชอบให้กับการเสริมทัพของทีมสิงห์บลู ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในรายของ ดิเอโก คอสตา ดาวยิงทีมชาติสเปนที่คว้าตัวมาจากทีมแอตเลติโก มาดริด และ เชส ฟาเบรกาส ที่ไปสอยมาจากบาร์เซโลนา ซึ่งทั้ง 2 คนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ขณะที่นักเตะที่มีอยู่กับทีมอยู่แล้วอย่าง จอห์น เทอร์รี ที่แม้จะเป็นกองหลัง แต่ก็ทำไปถึง 8 ประตูในซีซั่นนี้,แกรี เคฮิลล์ แม้ฟอร์มจะออกทะเลอยู่ช่วงหนึ่งแต่สุดท้ายก็กลับสู่มาตรฐานของตัวเองได้,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ทำผลงานได้ดีมาตลอดแถมลงเล่นครบทั้ง 38 นัดในลีกอีกด้วย ส่วนอีกคนที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ เอเดน อาซาร์ด ปีกตัวจี๊ดทีมชาติเบลเยียม ที่ปีนี้ฟอร์มเข้าฝักสุดๆ ส่วนนักเตะที่ไม่ได้พูดถึงก็ทำผลงานได้ดีกันทุกคนเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และผลงานโดยรวมของทีมก็มีความสม่ำเสมออย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากแท็คติกของมูรินโญที่ทำให้ เชลซีคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกด้วย ฤดูกาล 2014 - 2015 ในวัน “ซูเปอร์ซันเดย์” วันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายสิ่ง โดยเฉพาะการดิ้นรนหนีตกชั้นของ นิวคาสเซิล, การรับถ้วยแชมป์อย่างเป็นทางการของ เชลซี หรือแม้กระทั่งลิเวอร์พูล โดน สโต๊ก ซิตี อัดไปครึ่งโหล และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ศึกพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ "เชลซี" ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ มูรินโญ กุนซือทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ โดยได้แชมป์ตั้งแต่การแข่งขัดนัดที่ 35 ซึ่งยังไม่จบฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ ซึ่งต้องยกความชอบให้กับการเสริมทัพของทีมสิงห์บลู ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในรายของ ดิเอโก คอสตา ดาวยิงทีมชาติสเปนที่คว้าตัวมาจากทีมแอตเลติโก มาดริด และ เชส ฟาเบรกาส ที่ไปสอยมาจากบาร์เซโลนา ซึ่งทั้ง 2 คนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ขณะที่นักเตะที่มีอยู่กับทีมอยู่แล้วอย่าง จอห์น เทอร์รี ที่แม้จะเป็นกองหลัง แต่ก็ทำไปถึง 8 ประตูในซีซั่นนี้,แกรี เคฮิลล์ แม้ฟอร์มจะออกทะเลอยู่ช่วงหนึ่งแต่สุดท้ายก็กลับสู่มาตรฐานของตัวเองได้,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ทำผลงานได้ดีมาตลอดแถมลงเล่นครบทั้ง 38 นัดในลีกอีกด้วย ส่วนอีกคนที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ เอเดน อาซาร์ด ปีกตัวจี๊ดทีมชาติเบลเยียม ที่ปีนี้ฟอร์มเข้าฝักสุดๆ ส่วนนักเตะที่ไม่ได้พูดถึงก็ทำผลงานได้ดีกันทุกคนเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และผลงานโดยรวมของทีมก็มีความสม่ำเสมออย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากแท็คติกของมูรินโญที่ทำให้ เชลซีคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกด้วย
สรุปโควตาหลังจบฤดูกาลของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แชมป์ เชลซี (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
รองแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
อันดับ 3 อาร์เซนอล (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
อันดับ 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบควอลิฟาย)
อันดับ 5 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (ได้สิทธิ์เล่น ยูโรปา ลีก)
อันดับ 6 ลิเวอร์พูล (ได้สิทธิ์เล่น ยูโรปา ลีก)
อันดับ 18 ฮัลล์ ซิตี (ตกชั้น)
อันดับ 19 เบิร์นลีย์ (ตกชั้น)
อันดับ 20 ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ส (ตกชั้น)
แชมป์ เชลซี (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
รองแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
อันดับ 3 อาร์เซนอล (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม)
อันดับ 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ได้สิทธิ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบควอลิฟาย)
อันดับ 5 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (ได้สิทธิ์เล่น ยูโรปา ลีก)
อันดับ 6 ลิเวอร์พูล (ได้สิทธิ์เล่น ยูโรปา ลีก)
อันดับ 18 ฮัลล์ ซิตี (ตกชั้น)
อันดับ 19 เบิร์นลีย์ (ตกชั้น)
อันดับ 20 ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ส (ตกชั้น)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น